อยากจัดฟันแต่ไม่อยากให้ใครเห็นว่าติดเหล็กดัดฟัน อาจจะด้วยหน้าที่การงานหรือความมั่นใจส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้รอยยิ้มของตัวเองเป็นจุดสนใจมากจนเกินไป วันนี้ทางคลินิกทันตกรรมสีวลีมีทางเลือกของการจัดฟันที่ช่วยให้คุณเผยรอยยิ้มแบบมั่นใจมาฝากกับ ‘การจัดฟันแบบเซรามิก’ หนึ่งในวิธีการดัดฟันยอดนิยมที่มองเห็นได้ยากว่ากำลังจัดฟันอยู่หรือไม่
ว่าแต่การจัดฟันแบบเซรามิกนี้คืออะไร ต่างจากการดัดฟันปกติอย่างไร มีข้อดีแบบไหนบ้าง แล้วทำไมจึงสังเกตไม่เห็นว่ากำลังติดเครื่องมือจัดฟันอยู่ ตามไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลยดีกว่า
จัดฟันแบบเซรามิก คืออะไร
การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces) คือการจัดฟันแบบเดียวกันกับการจัดฟันโลหะที่ใช้หลักการจัดฟันโดยอาศัยแรงยึดดึง ทำให้ฟันเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งที่กำหนด แต่จะต่างกันตรงที่การจัดฟันเซรามิกจะทำการติดเครื่องมือแบบใสที่ทำจากวัสดุเซรามิกสีเหมือนฟันไว้ที่ผิวฟันด้านหน้า (Bracket) และเลือกใช้ยางสีใส (O’Ring) รัดเข้ากับเครื่องมือจัดฟัน สีของอุปกรณ์จึงมีความใกล้เคียงกับสีของฟันจริง คนทั่วไปจึงสังเกตเห็นได้ยาก จึงเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ากำลังจัดฟันอยู่แบบชัดเจน
แล้วการจัดฟันมีทั้งหมดกี่แบบกันนะ? อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : จัดฟันมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร ราคาเท่าไหร่ เลือกแบบไหนเหมาะกับคุณ 2021
ส่วนประกอบของเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิก
ส่วนประกอบของเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิกจะมีอยู่ด้วยกัน 4 อย่าง ได้แก่
แบรคเก็ต (Bracket)
แบรคเก็ต (Bracket) เป็นเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นจะทำหน้าที่ยึดติดกับฟัน สำหรับแบรคเก็ตที่ใช้ในการจัดฟันแบบเซรามิก จะทำมาจากเซรามิกสีใส สีคล้ายกับสีฟัน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับส่งผ่านแรงที่กระทำต่อฟันจากภายนอก เข้ามาควบคุมการเคลื่อนที่ของฟัน ส่วนอายุการใช้งานก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของคนไข้ ถ้าเครื่องมือหลุดฟันจะไม่เคลื่อนที่ ไปในทิศทางของแรงที่หมอจัดฟันเป็นคนดึงหรือเคลื่อนที่ไปในทางอื่น เครื่องมือจัดฟันหลุด 1 ครั้ง จะทำให้ต้องเพิ่มการรักษาขึ้น 2 เดือน หรือ 2 ครั้งเลยทีเดียว
ยางรัดฟัน (O-ring)
ยางรัดฟัน (O-ring) จะมีลักษณะเป็นห่วงกลมมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ บางอันก็จะมีลักษณะเป็นเส้นยาวตามลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยการจัดฟันแบบเซรามิกจะใช้ยางแบบสีใส เพื่อให้กลมกลืนกับสีฟัน โดยยางรัดฟันนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวยึดระหว่างแบรคเก็ตกับลวดไว้ด้วยกัน และเมื่อยึดเสร็จ ตัวลวดจะค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม ส่วนอายุการใช้งานจะอยู่ที่ 1-2 เดือนก็จะเริ่มเปื่อยหรือหลุด และมีสีเข้มขึ้น จึงต้องมาเปลี่ยนกับทันตแพทย์ทุกเดือน
เชนดึงฟัน (Chain)
เชนดึงฟัน (Chain) จะมีลักษณะเป็นยางรัดฟัน (O-ring) ต่อกันยาวๆ ในการจัดฟันแบบเซรามิกมักใช้เป็นสีใสทำหน้าที่ปิดช่องว่างระหว่างฟันหรือพูดง่ายๆ คือทำให้ฟันเคลื่อนที่เข้าหากัน หลายคนมักเข้าใจผิดว่า เชนจะช่วยทำให้ฟันเคลื่อนที่เข้าหากันเร็วขึ้น ซึ่งความจริงคือ เชนมีหน้าที่ช่วยร่นระยะช่องห่างของฟันเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการใส่เชนจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล หรือบางรายอาจจะไม่ต้องใส่ก็ได้ ส่วนใครที่ต้องใส่ก็ต้องคอยเปลี่ยนทุกเดือน เนื่องจากเชนจะเริ่มเปื่อยและหมดแรงดึงนั่นเอง
ลวดจัดฟัน (Archwire)
ลวดจัดฟัน (Archwire) มีลักษณะเป็นลวดเส้นเดียว ผลิตขึ้นจากวัสดุหลากหลายประเภท ซึ่งถ้าเป็นลวดสีเหมือนฟัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ลวดแกนโลหะเคลือบสารสีเหมือนฟัน และลวดเซรามิกพอลิเมอร์คอมโพสิท โดยลวดจัดฟันนี้จะทำหน้าที่โอบรัดฟันเพื่อทำให้ฟันเคลื่อนตัวมาในตำแหน่งที่เหมาะสม ส่วนอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ข้อดี ข้อเสีย ของการจัดฟันแบบเซรามิก
ข้อดีของการจัดฟันแบบเซรามิก
- การจัดฟันแบบเซรามิกจะมีลักษณะที่คล้ายกับสีของฟันจริง ทำให้สังเกตเห็นได้ยาก หากไม่มองดีๆ จะไม่เห็นว่ากำลังตัดฟันอยู่ จึงเป็นข้อดีสำหรับคนที่ไม่ต้องการเสียความมั่นใจจากการติดเครื่องมือจัดฟัน
- เป็นรูปแบบการจัดฟันที่พัฒนามาจากการจัดฟันแบบโลหะ แน่นอนว่า ย่อมมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันสบได้หลากหลาย
- เนื่องจากเป็นการติดเครื่องมือไว้บนด้านหน้าของฟัน จึงทำให้ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย
- ช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่แพ้หรือระคายเคืองจากการดัดฟันแบบโลหะ
- มีเศษอาหารติดน้อยกว่าการจัดฟันแบบโลหะ
- ผิวหน้าวัสดุจัดฟันจะมีความเรียบและมีมุมโค้งมน ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและรอยขีดข่วนได้ดี
ข้อเสียของการจัดฟันแบบเซรามิก
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะธรรมดา
- ตัววัสดุเปราะแตกหักง่ายกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบโลหะ
- ใช้ระยะเวลาในการจัดฟันแล้วเสร็จค่อนข้างนาน คือ ประมาณ 2-3 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) เมื่อเทียบกันกับการจัดฟันแบบใส Invisalign ซึ่งใช้ระยะเวลาน้อยกว่า
- คนไข้จะสามารถถอดเครื่องมือได้เอง ดังนั้น จึงต้องไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟันทุกเดือน
การเตรียมตัวก่อนจัดฟันแบบเซรามิก
ก่อนจะเข้ารับบริการดัดฟันแบบเซรามิก คุณสามารถเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อนได้ ตามข้อปฏิบัติต่างๆ ดังนี้
- ศึกษาข้อมูลของคลินิกอย่างละเอียด
แนะนำให้เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานตามการรับรอง และคุณสามารถเดินทางไปได้สะดวกเพราะการจัดฟันแบบเซรามิกจำเป็นจะต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือน - นัดปรึกษากับทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
เพื่อให้แพทย์ได้ทำการซักประวัติ ตรวจ และประเมินสุขภาพของช่องปากและฟัน รวมถึงทำการวิเคราะห์รูปหน้า วิเคราะห์การยิ้ม และตรวจการสบฟันอย่างละเอียดด้วยการพิมพ์ปากเอกซเรย์ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาสภาพปากและโครงสร้างของฟัน ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาให้ ซึ่งคุณจะได้ทราบแผนก่อน เพื่อนำไปพิจารณาว่าจะเลือกจัดฟันแบบเซรามิกดีหรือไม่ โดยคุณสามารถปรึกษากับทางทันตแพทย์ได้เลย - เคลียร์ช่องปาก
เหตุผลที่ต้องทำการเคลียร์ช่องปากให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ทั้งอุดฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด หรือในกรณีที่มีปัญหาในช่องปากมากก็อาจจะลามไปถึงการรักษารากฟัน ก็เพื่อให้สะอาดและสะดวกสำหรับการติดเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิกมากที่สุดนั่นเอง - นัดวันสำหรับติดเครื่องมือจัดฟัน
ทันตแพทย์จะทำการนัดวันและลงมือจัดฟันเซรามิกขั้นตอนแรกคือติดเครื่องมือจัดฟันต่อไป
ขั้นตอนการจัดฟันแบบเซรามิก
หลังจากทำการเตรียมตัวและเคลียร์ช่องปากเสร็จแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการจัดฟันแบบเซรามิก ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การติดเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิก
ทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องแบบเซรามิกทั้งฟันบนและฟันล่าง ซึ่งโดยปกติทันตแพทย์จะติดเครื่องมือจัดฟันที่ขากรรไกรบนก่อน เพื่อให้คนไข้ค่อยๆ ปรับตัว และจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที หลังจากนั้นแพทย์จะนัดมาติดเครื่องมือจัดฟันล่างอีกครั้งในระยะ 1-2 สัปดาห์ (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับแผนการรักษาของแต่ละบุคคล)
- เข้ารับการตรวจจากทันตแพทย์เฉพาะทางทุกเดือน
หลังจากติดตั้งเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิกแล้ว ทันตแพทย์จะทำการนัดตรวจ เพื่อปรับเครื่องมือ และประเมินผลการรักษาทันตกรรมจัดฟันทุกเดือน ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี (ขึ้นอยู่กับปัญหาภายในช่องปากว่ายากหรือง่าย) ซึ่งในขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อผลสำเร็จของการรักษา หากคนไข้ไม่มาตามนัดก็จะทำให้ระยะเวลาในการรักษายืดยาวออกไปอีก
การดูแลช่องปากหลังการจัดฟันแบบเซรามิก
หลังจากติดเครื่องมือจัดฟันเซรามิกแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องดูแลช่องปากให้สะอาดอย่างเคร่งครัด โดยคุณจะต้องปฏิบัติตัวตามที่ทันตแพทย์สั่ง ดังนี้
การปฏิบัติตัวหลังจัดฟันแบบเซรามิก
- มาตามที่ทันตแพทย์นัดทุกครั้ง (เดือนละ 1 ครั้ง) เพื่อปรับเครื่องมือและเปลี่ยน O’Ring ให้เหมาะสมตามแต่ละขั้นตอน
- ช่วงแรกอาจจะมีอาการปวด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการปรับเครื่องมือในแต่ละครั้ง เมื่อร่างกายเริ่มชินกับการติดเครื่องมือจัดฟันอาการปวดก็จะบรรเทาลงและหายปวดประมาณ 1-2 วัน
การทำความสะอาดช่องปากเมื่อจัดฟันแบบเซรามิก
- ควรแปรงฟันให้สะอาดทุกครั้งเช้า-เย็น ด้วยวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันสูตรฟอกฟันขาว เนื่องจากผิวฟันส่วนที่ถูกปิดทับด้วยเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิกจะไม่โดนฟอกขาวไปด้วย ทำให้หลังจากถอดอุปกรณ์ออกแล้วสีฟันจะไม่เสมอกัน
- ใช้แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟันหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วเป็นประจำ
- พบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนเป็นประจำ ทุกๆ 6 เดือน
หลังจัดฟันแบบเซรามิกควรหลีกเลี่ยงการทานอะไรบ้าง
- แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีสีและคราบติดฟันง่าย เช่น กาแฟ, ชา, ไวน์, มะเขือเทศ มัสตาร์ด เป็นต้น
- งดการเคี้ยว ขบ หรือกัด อาหารหรือขนมที่แข็งจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เครื่องมือหลุดหรือเสียหายได้
สรุป
โดยสรุปแล้ว การจัดฟันเซรามิก (Ceramic Braces) เป็นหนึ่งในวิธีการจัดฟันที่มีสีใกล้เคียงกันฟันจริง ทำให้ใครก็ตามที่อยากจัดฟันแต่ไม่อยากให้ใครเห็น รู้สึกมั่นใจในการเผยรอยยิ้มมากขึ้น การจัดฟันประเภทนี้จึงเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย อีกทั้งการติดเครื่องมือด้านนอกยังทำให้รักษาความสะอาดและดูแลทำได้ง่ายอีกด้วย